วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

บทที่1.ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี(1.3)

1.3การวัดปริมาณสาร
ปริมาณสัมพันธ์ 
         เมื่อมีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น สารที่ใช้ทำปฏิกิริยาหรือสารตั้งต้นจะมีปริมาณลดลง ในขณะเดียวกันสารที่เกิดขึ้นใหม่หรือผลิตภัณฑ์ก็จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสารเหล่านี้ในปฏิกิริยา สามารถใช้ในการคาดคะเนหรือคำนวณปริมาณสารที่ต้องใช้ทำปฏิกิริยาเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ตามต้องการ ทำให้ทราบว่าสารใดทำปฏิกิริยาหมดหรือมีสารใดเหลือจากการทำปฏิกิริยา ปริมาณของสารที่จะได้ศึกษาในบทนี้ได้แก่ มวลโมล ปริมาตร ความเข้มข้นของสารละลาย นอกจากนี้จะได้ศึกษาการคำนวณปริมาณสารในสมการเคมี
 
  1.  มวลอะตอม 
 
          นักวิทยาศาสตร์หลายคน เช่น ดอลลัน เก - ลูซัก ลาวัวซิเอและอาโวกาโดร ให้ความสนใจศึกษามวลอะตอมของธาตุ โดยสังเกตการณ์รวมตัวของธาตุเมื่อเกิดเป็นสารประกอบ พบว่าธาตุเหล่านั้นจะรวมตัวด้วยอัตราส่วนจำนวนอะตอม หรืออัตราส่วนโดยมวลคงที่ สำหรับดอลตัน นั้นเชื่อว่าอะตอมของธาตุต่างชนิดกันมีมวลไม่เท่ากัน จึงได้พยายามหามวลอะตอมของแต่ละธาตุ แต่เนื่องจากอะตอมมีขนาดเล็กมาก (ปัจจุบันพบว่ามีรัศมีอะตอมยาวประมาณ \displaysyle 10^{-10}  เมตรเท่านั้น) อะตอมที่เบาที่สุดคืออะตอมของไฮโดรเจนซึ่งมีมวลประมาณ \displaysyle 1.66x10^{-24}  กรัม และอะตอมที่หนักที่สุดมีมวลประมาณ 250 เท่าของมวลนี้ ทำให้ไม่สามารถชั่งมวลของอะตอมโดยตรงได้ ดอลตันจะหามวลอะตอมของธาตุโดยใช้วิธีการเปรียบเทียบว่า อะตอมของธาตุที่ต้องการศึกษามีมวลเป็นกี่เท่าของอะตอมของธาตุที่กำหนดให้เป็นมาตรฐาน
 
          ดอลตันเสนอให้ใช้ธาตุไฮโดรเจนซึ่งมีมวลน้อยที่สุดเป็นธาตุมาตรฐานในการเปรียบเทียบหามวลอะตอมของธาตุโดยกำหนดให้ธาตุไฮโดรเจน 1 อะตอมมีมวล 1 หน่วย  ตัวเลขที่ได้จากการเปรียบเทียบมวลของธาตุ1อะตอม กับมวลของธาตุมาตรฐาน 1 อะตอม   เรียกว่า มวลอะตอมของธาตุ  ซึ่งเขียนได้โดยความสัมพันธ์ดังนี้
         ต่อมามีผู้เสนอให้ใช้ธาตุออกซิเจนเป็นมาตรฐานแทนธาตุไฮโดรเจนเพราะว่าธาตุออกซิเจนอยู่เป็นอิสระในบรรยากาศและทำปฏิกิริยากับธาตุอื่นๆได้ง่าย แต่ธาตุออกซิเจน 1 อะตอม มีมวลเป็น 16 เท่าของไฮโดรเจน 1 อะตอมจึงเขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้
          เนื่องจากธาตุออกซิเจนมีหลายไอโซโทป คือ \displaysyle ^{16} O \displaysyle ^{17} O และ \displaysyle ^{18} Oและนักเคมีกับนักฟิสิกส์กำหนดมวลอะตอมของออกซิเจนไม่เหมือนกัน โดยนักเคมีใช้มวลอะตอมเฉลี่ยของออกซิเจนทั้ง 3 ไอโซโทป แต่นักฟิสิกส์ใช้มวลอะตอมของ \displaysyle ^{16} Oเท่านั้น ตั้งแต่ พ.ศ.2504 เป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์จึงตกลงใช้สูตร \displaysyle ^{12} Cซึ่งเป็นไอโซโทปหนึ่งของคาร์บอนเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบมวล โดยกำหนดให้ \displaysyle ^{12} C จำนวน 1 อะตอม มีมวล 12 หน่วยมวลอะตอม ดังนั้น 1 หน่วยมวลอะตอมจึงมีค่าเท่ากับ\displaysyle \frac{1}{{12}}มวลของ \displaysyle ^{12} Cจำนวน 1 อะตอม หรือเท่ากับ \displaysyle 1.66x10^{-24}  กรัม มวลอะตอมของธาตุเขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้ 

 
มวลอะตอมของธาตุกับมวลของธาตุ1อะตอมแตกต่างกันอย่างไร และมวลอะตอมของธาตุมีหน่วยกำกับไว้หรือไม่
 

ตัวอย่างที่ 1 
ธาตุแมกนีเซียมมีมวลอะตอม 24.31
ธาตุแมกนีเซียม 1 อะตอมมีมวลเท่าใด
 
มวลของ Mg 1 อะตอม = \displaysyle  24.31 \times 1.66 \times 10^{ - 24} g
                                     = \displaysyle 4.04 \times 10^{ - 23} g

ตัวอย่างที่ 2 
ธาตุโซเดียม 10 อะตอม มีมวล \displaysyle 3.82x10^{-22}  กรัม
มวลอะตอมของค่าโซเดียมมีค่าเท่าใด
 
มวลของ Na 1 อะตอม = \displaysyle \frac{{3.82 \times 10^{ - 22} g}}{{10}}
                                    = \displaysyle \frac{{3.82 \times 10^{ - 22} g}}
 
                                    =  \displaysyle \frac{{3.82 \times 10^{ - 23} \rlap{--} g}}{{1.66 \times 10^{ - 24} \rlap{--} g}}
                                    =  23.01
มวลอะตอมของ Na เท่ากับ 23.01

 
          จากตัวอย่างทั้งสองคงช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ว่ามวลอะตอมของธาตุจะไม่มีหน่วยกำกับ เพราะเป็นค่าเปรียบเทียบระหว่างมวล 1อะตอมของธาตุนั้น กับมวลของ \displaysyle ^{12} C แต่มวลของธาตุ 1 อะตอมเป็นมวลที่แท้จริงของธาตุนั้นจึงมีหน่วยกำกับไว้ด้วย

         ธาตุในธรรมชาติส่วนใหญ่มีหลายไอโซโทป เช่น คาร์บอนมี 3 ไอโซโทป คือ \displaysyle ^{12} C \displaysyle ^{13} Cและ\displaysyle ^{14} C   แต่ละไอโซโทปมีมวลอะตอมและปริมาณที่พบในธรรมชาติแตกต่างกันคือ \displaysyle ^{12} C มีมวลอะตอม 12.0000 มีปริมาณร้อยละ 98.892 \displaysyle ^{13} C มีมวลอะตอม 13.00335 มีปริมาณร้อยละ 1.108ส่วน \displaysyle ^{14} C  เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีมีปริมาณน้อยมาก การคำนวณมวลอะตอมของคาร์บอนจึงคิดจากมวลอะตอมและปริมาณของไอโซโทปเฉพาะที่พบอยู่ในธรรมชาติ ดังนี้
มวลอะตอมของคาร์บอน = \displaysyle \frac{{98.892 \times 12.0000}}{{100}} + \frac{{1.108 \times 13.00335}}{{100}}
                                         = 11.8670+0.1441
                                         = 12.0111
 
         มวลอะตอมของคาร์บอนที่คำนวณได้เป็นค่ามวลอะตอมเฉลี่ยของคาร์บอน จึงจะสอดคล้องกับค่ามวลอะตอมของธาตุที่ปรากฏในตารางธาตุ ดังนั้น ค่ามวลอะตอมของธาตุใดๆ เป็นตารางธาตุจึงมีค่ามวลอะตอมเฉลี่ยซึ่งขึ้นอยู่กับค่ามวลอะตอมและปริมาณของไอโซโทปที่พบอยู่ในธรรมชาติ ปัจจุบันนี้การหามวลอะตอมและปริมาณของแต่ละไอโซโทปของธาตุจะใช้เครื่องแมสสเปกโทรมิเตอร์ส่วนประกอบหลักของออุปกรณ์และการทำงานในเครื่องแมสสเปกโทรมิเตอร์รูปแบบหนึ่งแสดงดังรูป 4.1 ก วิธีการและการทำงานของเครื่องเป็นดังนี้คือ ทำให้อะตอมของสารตัวอย่างในสถานะแก๊สแตกตัวเป็นไอออนบวกโดยใช้ลำอิเล็กตรอนพลังงานสูงยิงไปที่สารตัวอย่าง ไอออนบวกที่แตกตัวออกมานี้มีทั้งประจุ (e) และมวล (m) เมื่อผ่านแผ่นเร่งอนุภาคที่เป็นสนามไฟฟ้า จะทำให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นและผ่านเข้าไปในสนามแม่เหล็ก ไอออนบวกจะถูกเบนจากแนวเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง รัศมีของเส้นโค้งขึ้นอยู่กับค่า e/m ของไอออนโดยไอออนที่มีค่า e/m ต่ำจะเดินทางโค้งเป็นวงกว้างกว่าไอออนที่มี e/m สูง สำหรับไอออนที่มีประจุเท่ากันแต่มีมวลแตกต่างกัน วิธีการนี้ก็สามารถแยกได้โดยไอออนหนักจะโค้งเป็นวงมากกว่าไอออนเบา เมื่อไอออนทั้งหมดมาตกกระทบกับอุปกรณ์ตรวจสอบ ซึ่งอาจใช้แผ่นฟิล์มหรือเครื่องบันทึกอิเล็กทรอนิกส์และบันทึกเป็นความเข้มหรือกระแส ปริมาณความเข้มหรือกระแสจะเป็นปฏิภาคตรงกับจำนวนไอออนที่ตกกระทบกับอุปกรณ์ตรวจสอบ โดยวิธีการเช่นนี้จึงสามารถบอกปริมาณไอโซโทปที่มีอยู่ในธาตุที่นำมาตรวจสอบได้ ตัวอย่างแมสสเปกตรัมของนีออนซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากการวัดโดยเครื่องแมสสแปกโทรมิเตอร์แสดงดังรูป4.1 ค.



ตาราง 4.1 มวลอะตอม ปริมาณร้อยละของไอโซโทปและมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุบางธาตุ 
ไอโซโทป
มวลอะตอมของไอโซโทป
ปริมาณร้อยละที่พบในธรรมชาติ
 มวลอะตอมเฉลี่ย 
\displaysyle {}^{14}N
\displaysyle {}^{15}N
14.003
15.000
99.630
0.370
14.007
\displaysyle  {}^{16}O
\displaysyle  {}^{17}O
\displaysyle  {}^{18}O
15.995
16.999
17.999
99.760
0.040
0.200
15.999


\displaysyle ^{20} Ne
\displaysyle ^{21} Ne
\displaysyle ^{22} Ne
19.992
20.994
21.991
90.510
0.270
9.220
20.179

\displaysyle ^{35} Cl
\displaysyle ^{37} Cl
34.969
36.966
75.770
24.230
35.453

   2 มวลโมเลกุล 
           โมเลกุลของสาร เป็นอนุภาคขนาดเล็กซึ่งสามารถอยู่อย่างอิสระและแสดงสมบัติเฉพาะตัวของสารนั้นได้ การหามวลโมเลกุลของสารใช้วิธีการเดียวกับการหามวลอะตอมของธาตุ กล่าวคือใช้การเปรียบเทียบมวลของสารนั้น 1 โมเลกุลกับมวลของธาตุมาตรฐาน 1 อะตอม โดยใช้ความสัมพันธ์ดังนี้

          มวลโมเลกุลของสารกับมวลของสาร 1 โมเลกุลแตกต่างกันอย่างไร
 
 
 
 
 

ตัวอย่าง 3
 
สารประกอบ Q5 โมเลกุล มีมวล \displaysyle  3.50x10^{-22} g
สารประกอบ Q มีมวลโมเลกุลเท่าใด
มวลของสารประกอบ Q 1 โมเลกุล = \displaysyle \frac{{3.50 \times 10^{ - 22} g}}{5}
                                                       =  7.00×1023
 
                                      \displaysyle  = \frac{{7.00 \times 10^{ - 23} \rlap{--} g}}{{1.66 \times 10^{ - 24} \rlap{--} g}}
                                      = 42.17
         สารประกอบ Q มีมวลโมเลกุล 42.17 
 
ตัวอย่าง 4
น้ำตาลทรายมีสูตรโมเลกุล \displaysyle C_{12} H_{22} O_{11}
น้ำตาลทรายมีมวลโมเลกุลเท่าใด
มวลโมเลกุลของ \displaysyle C_{12} H_{22} O_{11}  คำนวณได้ดังนี้
                            =   (12 x มวลอะตอมของ C) + (22 x มวลอะตอมของ H) + (11 x มวลอะตอม O)
                            =   (12 x 12.011) + (22 x 1.0079) + (11 x 15.99)
                            =   342 .295
ตัวอย่าง 5
จงหามวลโมเลกุลของ \displaysyle CaCl_2
มวลโมเลกุล(มวลสูตร) ของ \displaysyle CaCl_2  คำนวณได้ดังนี้
                         =   (1 x มวลอะตอมของ Ca) + (2 x มวลอะตอมของ Cl)
                         =   (1 x 40.078) + (2 x 35.453)
                         =   110.984

   โมล
          การบอกปริมาณของสิ่งของในชีวิตประจำวัน อาจบอกเป็นหน่วยน้ำหนัก เช่น กรัม กิโลกรัม หรือหน่วยปริมาตร เช่น ลูกบาศก์เซนติเมตร ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ถ้าสิ่งของมีจำนวนมาก อาจบอกเป็นหน่วยโหล (1 โหล = 12 ชิ้น) หรือกุรุส (1 กุรุส = 144 ชิ้น)
          การบอกปริมาณสารเคมีก็เช่นเดียวกัน อาจบอกเป็นหน่วยมวล หน่วยปริมาตร หรือหน่วยแสดงจำนวนอนุภาคของสาร แต่เนื่องจากสารประกอบด้วยอนุภาคที่มีขนาดเล็กและมีจำนวนมาก เช่น น้ำตาลทราย 1เกล็ด (ประมาณ 0.0001 กรัม) มี \displaysyle  1.0x10^{17}  อนุภาค น้ำ 1 กรัม มี \displaysyle  3.3x10^{22}  อนุภาค การบอกปริมาณสารในหน่วยโหลหรือกุรุสจึงไม่สะดวกต้องใช้เลขหลายหลัก นักเคมีจึงกำหนดหน่วยแสดงจำนวนอนุภาคของสารเป็นหน่วยใหญ่และใช้แทนอนุภาคจำนวนมากโดยใช้ชื่อว่า โมล ซึ่งหมายถึง ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของคาร์บอน-12 ที่มีมวล 12กรัม
          
 จำนวนอนุภาคของคาร์บอน -12 ปริมาณ 12 กรัม มีค่ามากหรือน้อยเพียงใด
        
  เราทราบแล้วว่าคาร์บอน -12 จำนวน 1 อะตอม มีมวล \displaysyle  12.00x1.66x10^{-24} กรัม ความสัมพันธ์นี้เมื่อเขียนในรูปอัตราส่วนจะได้ดังนี้
           อัตราส่วนนี้สามารถนำไปใช้คำนวณหาจำนวนอะตอมของคาร์บอน-12 ที่มีมวล 12 กรัมได้ โดยสมมติให้คาร์บอน-12 มวล 12 กรัม มีจำนวนอนุภาคเท่ากับ a อะตอม เมื่อเขียนเป็นอัตราส่วนที่กับอัตราส่วนแรกจะเป็นดังนี้

          แสดงว่าคาร์บอน-12 ที่มีมวล 12 กรัม ประกอบด้วยคาร์บอนจำนวน \displaysyle  6.022137x10^{23} อะตอม หรือใช้ค่าโดยประมาณเป็น \displaysyle  6.02x10^{23}  อนุภาคและเรียกจำนวน \displaysyle  6.02x10^{23}  นี้ว่า เลขอาโวกาโดร จึงกล่าวได้ว่าสาร 1โมล มีจำนวนอนุภาคเท่ากับเลขอาโวกาโดร

รูป 4.2 สารตัวอย่าง 1 โมลซึ่งมี  [Unparseable or potentially dangerous latex formula. Error 1 ]อนุภาค

           สาร 2 โมล มี\displaysyle  2x6.02x10^{23} อนุภาค
           
               สาร 0.5 โมลมี \displaysyle  0.5x6.02x10^{23} อนุภาค     
         อนุภาคของสารอาจเป็นอะตอม โมเลกุล ไอออน หรืออื่นๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของสารดังตัวอย่างในตาราง 4.2

ตาราง 4.2 จำนวนและชนิดของอนุภาคของสารบางชนิด
สาร
 จำนวนโมล
จำนวนและชนิดของอนุภาค
K
Kr
\displaysyle H_2
\displaysyle H_2O
\displaysyle CO_2
NaC1
\displaysyle K_2SO_4
1
1
1
2
0.5
1

1
\displaysyle  6.02x10^{23}  อะตอม
\displaysyle  6.02x10^{23}  อะตอม
\displaysyle  6.02x10^{23}  โมเลกุล
\displaysyle  2x6.02x10^{23}  โมเลกุล
\displaysyle  0.5x6.02x10^{23}  โมเลกุล
\displaysyle  NA^ + 6.02x10^{23}  ไอออนและ
\displaysyle  C1^ -    6.02x10^{23}  ไอออน
\displaysyle  K^{+2}x6.02x10^{23} ไอออนและ
\displaysyle  SO_4 ^{2 - } 6.02x10^{23} ไอออน

 
       -    สารในตาราง 4.2 เป็นสารประเภทใดบ้าง
       -   ประเภทของสารกับชนิดของอนุภาคมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

           จากข้อมูลในตาราง 4.2 พบว่าในกรณีของธาตุที่เป็นโลหะหรือแก๊สเฉื่อย อนุภาคของสารจะหมายถึงอะตอมส่วนสารประกอบโคเวเลนสต์อนุภาคของสารจะเป็นโมเลกุลสำหรับสารไอออนิกซึ่งประกอบด้วยไอออนบวกกับไอออนลบรวมกันเป็นโครงผนึก ชนิดของอนุภาคของสารประเภทนี้จึงหมายถึงไอออน เนื่องจากอนุภาคของสารปรากฏอยู่ในหลายลักษณะดังได้กล่าวแล้ว ดังนั้นการบอกปริมาณสารเป็นโมลจึงควรระบุชนิดของอนุภาคให้ชัดเจน


           1. จำนวนโมลกับมวลของสาร
     นักเรียนได้ศึกษามาแล้วว่าสารปริมาณ 1 โมล มีจำนวนอนุภาคเท่ากับเลขอาโวกาโดรคือ\displaysyle 6.02x10^{23}และตัวเลขนี้จะเท่ากับจำนวนอะตอมของคาร์บอน -12 ที่มีมวล 12 กรัม แสดงว่าคาร์บอน -12 ปริมาณ 1 โมล มีมวลเท่ากับ 12 กรัม และค่ามวลนี้เรียกว่า มวลต่อโมลของคาร์บอนสำหรับสารอื่นๆปริมาณ 1 โมล จะมีมวลเท่าใด ให้พิจารณาข้อมูลในตารางต่อไปนี้


ตาราง 4.3  จำนวนอะตอมและมวลของธาตุบางชนิดปริมาณ โมล
ธาตุ
มวลอะตอม

จำนวนอะตอมต่อโมล

มวล(g) 
ลิเทียม (Li)
เหล็ก(Fe)
ทองคำ(Au)
โพแทสเซียม(K)
6.941
55.845
196.966
39.098
\displaysyle 6.02x10^{23}
\displaysyle 6.02x10^{23}
\displaysyle 6.02x10^{23}
\displaysyle 6.02x10^{23}
6.941
55.845
196.966
39.098
         จากข้อมูลในตาราง 4.3 พบว่าธาตุที่มีจำนวนอะตอม \displaysyle 6.02x10^{23} อะตอม จะมีตัวเลขแสดงค่ามวลเป็นกรัมเท่ากับมวลอะตอมของธาตุนั้น ทำให้ได้ข้อสรุปว่า ธาตุใดๆ ที่มีปริมาณ\displaysyle 6.02x10^{23} อะตอมหรือ 1 โมลจะมีมวลเป็นกรัมเท่ากับมวลอะตอมของธาตุนั้นเช่น
         ออกซิเจนมีมวลอะตอมเท่ากับ 16 ดังนี้ ออกซิเจน โมล หรือ\displaysyle 6.02x10^{23} อะตอมจะมีมวล16 กรัม
         ในทำนองเดียวกันถ้าสารนั้นเป็นโมเลกุลจะพบว่า  สารใดๆ โมล หรือ\displaysyle 6.02x10^{23} โมเลกุลจะมีมวลเป็นกรัมเท่ากับมวลโมเลกุลของสารนั้น  เช่น
         แก๊สคลอรีนมีมวลโมเลกุลเท่ากับ 71 ดังนั้น แก๊สคลอลีน โมล หรือ\displaysyle 6.02x10^{23}โมเลกุลจะมีมวล 71 กรัม
         น้ำมีมวลโมเลกุลเท่ากับ 18 ดังนั้น น้ำ 1โมล หรือ\displaysyle 6.02x10^{23} โมเลกุลจะมีมวล 18 กรัม
         สำหรับสารที่มีองค์ประกอบเป็นไอออน ให้ถือว่ามวลเป็นกรัม ของไอออนของธาตุใดๆ มีค่าเท่ากับมวลอะตอมของธาตุนั้น เช่น โซเดียมคลอไรด์ (NaC1)1 โมล ประกอบด้วย\displaysyle Na^ +  1 โมล และ \displaysyle  Cl^ -   โมล Na มีมวลอะตอม 23Cl มีมวลอะตอม 35.5 ดังนั้น
โซเดียมคลอไรด์ 1 โมล มีมวล
                     = มวลของ \displaysyle Na^ +  1 โมล +มวลของ \displaysyle  Cl^ -   โมล
                     =23 กรัม + 35.5 กรัม
                     =58.5 กรัม
      สารประกอบอื่นๆที่มีองค์ประกอบเป็นไอออน เช่น โพแทสเซียมไอโอไดด์ โซเดียมฟลูออไรด์ โพแทสเซียมโบรไมด์ แคลเซียมคลอไรด์ ก็สามารถหามวล 1 โมล ของสารเหล่านี้ได้ด้วยวิธีเดียวกัน
 
             สารต่างชนิดกันแต่มีจำนวนโมลเท่ากันจะมีมวลเท่ากันหรือไม่ และถ้าสาร
ต่างชนิดกันมีมวลเท่ากันจะมีจำนวนอนุภาคเท่ากันหรือไม่
 

 

         การบอกปริมาณสารในวิชาเคมี โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบ 2 คือ ตัวเลขและหน่วยที่ใช้วัดเพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกันเช่น คาร์บอน -12 1 โมล หน่วยในที่นี้คือโมล แต่เนื่องจากโมลมีความสัมพันธ์กับหน่วยอื่นๆอีกคือ จำนวนอนุภาคหรือมวลเป็นกรัมดังที่ศึกษามาแล้ว จึงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเลขและหน่วยโดยไม่ทำให้ปริมาณเดิมเปลี่ยนไปได้
          เราทราบแล้วว่าคาร์บอน -12 1 โมลมีจำนวนอนุภาค \displaysyle 6.02x10^{23} อนุภาค จึงเขียนแสดงได้ดังนี้
\displaysyle  {}^{12}C 1 âÁÅ = {}^{12}C6.02 \times 10^{23} ͹ØÀÒ¤

เมื่อใช้ \displaysyle {}^{12}C 1 โมล หารทั้งสองด้านจะได้เป็นดังนี้


หรือถ้าใช้ \displaysyle {{}^{12}C 6.02 \times 10^{23} } อนุภาค หารทั้งสองด้านจะได้ เป็นดังนี้

 
         ในทางคณิตศาสตร์เมื่อคูณปริมาณด้วย”1”จะไม่ทำให้ปริมาณนั้นเปลี่ยนแปลง และอัตราส่วนที่เหลือทั้งสองคือ \displaysyle {{}^{12}C6.02 \times 10^{23} } อนุภาค/\displaysyle {{}^{12}C} 1 โมล และ \displaysyle {{}^{12}C} 1 โมล/\displaysyle {{}^{12}C6.02 \times 10^{23} } 
อนุภาคที่มีค่าเท่ากับ 1 เนื่องจากมีเศษและส่วนเป็นปริมาณเท่ากันเมื่อแต่ละอัตราส่วนไปคูณกับปริมารที่มีหน่วยเหมือนกับส่วนจะทำให้ได้หน่วยใหม่แต่ปริมาณไม่เปลี่ยนแปลง จึงเรียกแต่ละอัตราส่วนนี้ว่า <b>แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วย</b> แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยใช้ประโยชน์สำหรับแปลงหน่วยของปริมาณที่วัดจากหน่วยหนึ่งไปเป็นหน่วยอื่นโดยปริมาณไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับแฟคเตอร์ในตัวอย่างนี้จึงใช้แปลงหน่วยโมลเป็นอนุภาค และอนุภาคเป็นโมลตามลำดับ
         จากความสัมพันธ์ที่ว่าสาร 1 โมลมีมวลเป็นกรัม เท่ากับมวลอะตอมของธาตุหรือมวลโมเลกุลของสารประกอบนั้น ความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้เขียนในรูปแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยได้ดังนี้ 
 
 
            เมื่อนำแต่ละแฟคเตอร์คูณกับปริมาณที่กำหนดให้และมีหน่วยเหมือนส่วนจะ
ได้หน่วยใหม่เป็นหน่วยใด


 

           
         
การทำโจทย์ทางเคมีที่จะได้ศึกษาต่อไปในบทนี้จะใช้วีการเปลี่ยนแปลงค่าและหน่วยต่างๆโดยใช้แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่มีความสัมพันธ์กัน วีการทำเป็นอย่างไรให้ศึกษารายละเอียดจากตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่าง 6  กำมะถัน 1 mol มีมวล 32.01g กำมะถัน 160.05g มีจำนวนโมลเท่าใด
โจทย์กำหนดมวลเป็นกำมะถัน ต้องการทราบจำนวนโมลแฟคเตอร์เป็นหน่วยที่นำมาใช้จึงเป็นสาร 1 โมล/มวลเป็นกรัม เท่ากับมวลอะตอม ซึ่งก็คือ 1 โมลของกำมะถัน/มวลอะตอมของกำมะถันมีหน่วยเป็นกรัมจะได้ว่า
\displaysyle molS= 160.05\rlap{--} g\rlap{--} S \times \left( {\frac{{1molS}}{{32.01\rlap{--} g\rlap{--} S}}} \right) = 5mol
          นั่นคือ กำมะถัน 160.05 กรัม มี 5 โมล
                                                                                       
 

 ตัวอย่าง 7  NaOH 3 mol มีมวลกี่กรัม
          โจทย์กำหนดจำนวนโมล ต้องการทราบมวล แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่นำมาใช้จึงเป็นมวลโมเลกุลของสารหน่วยเป็นกรัม/สาร 1 โมล ในที่นี้คือ NaOH 40g/NaOH 1 โมล จะได้ว่า
\displaysyle gNaOH = 3\rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} N\rlap{--} a\rlap{--} O\rlap{--} H \times \left( {\frac{{40gNaOH}}{{1\rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} N\rlap{--} a\rlap{--} O\rlap{--} H}}} \right) = 120g
นั่นคือ NaOH 3 โมล มีมวล 120  กรัม
จากตัวอย่างทั้งสองนักเรียนควรได้ข้อสังเกตว่าการคูณปริมาณที่กำหนดให้ด้วยแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วย จะคงเหลือหน่วยของเศษซึ่งเป็นหน่วยใหม่ที่ต้องการ

  2.  ปริมาตรต่อโมลของแก๊ส 

         เนื่องจากแก๊สมีมวลน้อยมาก ปริมาณสารในสถานะแก๊สส่วนใหญ่จึงระบุเป็นปริมาตร แต่ละปริมาตรของแก๊สเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิและความดันดังนั้นจึงต้องระบุอุณหภูมิและความดันที่วัดปริมาตรไว้ด้วย นักวิทยาศาสตร์กำหนดให้อุณหภูมิ \displaysyle 0^0C และความดัน 1 บรรยากาศ เป็นภาวะมาตรฐาน(Standard Temperature and Pressure เรียกย่อว่า STP)
          จากการทดลองหามวลของแก๊สบางชนิด ปริมาตร ลูกบาศก์เดซิเมตร หรือ ลิตร ที่ STPได้ข้อมูลดังตาราง 4.4
ตาราง 4.4 มวลของแก๊สบางชนิดปริมาณ 1ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP<
แก๊ส
มวลโมเลกุล
มวลของแก๊ส(g)
ฮีเลียม (He)
นีออน (Ne)
ไนโตรเจน[Unparseable or potentially dangerous latex formula. Error 5 : 839x38]
ออกซิเจน \displaysyle &nbsp;(O_2)
คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)
คาร์บอนไดออกไซด์\displaysyle &nbsp;(CO_2)
4
20
28
32
28
44
0.18
0.88
1.23
1.43
1.24
1.97

 
 
            จากข้อมูลในตารางแก๊ส โมล มีปริมาณเท่าใดที่ STP



ถ้าใช้ข้อมูลของแก๊สออกซิเจนเป็นตัวอย่างในการคำนวณหาว่าแก๊ส 1 โมลมีปริมาณเท่าใดที่ STP นั้น ทำได้ดังนี้
         เราทราบมาแล้วว่าแก๊สออกซิเจน 1 โมล มีมวลเป็นกรัมเท่ากับมวลโมเลกุลคือ 32 กรัม จากข้อมูลในตาราง 4.4 แก๊สออกซิเจนปริมาตร 1 ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP มีมวล 1.43 กรัม ซึ่งเขียนในรูปแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยได้เป็น \displaysyle 1dm^3 O_2  ที่ STP / 1.43 กรัม\displaysyle &nbsp;O_2 ทำให้สามารถเปลี่ยนมวลของแก๊สออกซิเจน 32 กรัมให้เป็นปริมาตรที่ STP โดยใช้แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยได้ดังนี้

         นั่นคือ แก๊สออกซิเจน 32 กรัมหรือปริมาณ 1 โมล มีปริมาณเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ปริมาตรต่อโมลของแก๊ซออกซิเจนเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP 
         การคำนวณหาปริมาตรต่อโมลของแก๊สฮีเลียม แก๊สนีออน แก๊สไนโตรเจน แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หรือพบว่าได้ผลเช่นเดียวกันคือมีปริมาตร 22.4  ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP 
         ในทำนองเดียวกันนี้เมื่อศึกษากับแก๊สอื่นๆ ก็พบว่าแก๊ส 1 โมลมีปริมาตร 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP จึงสรุปได้ว่า <b>แก๊สใดๆ 1 โมลมีปริมาตร 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร หรือ  22.4 ลิตร ที่ STP หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ปริมาตรต่อโมลของแก๊สใดๆมีค่าเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร หรือ  22.4 ลิตรที่ STPความสัมพันธ์นี้เมื่อเขียนในรูปแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยจะเป็นดังนี้ 
 
 
            แฟคเตอร์ทั้งสองนี้ใช้สำหรับเปลี่ยนหน่วยใดให้เป็นหน่วยใดตามลำดับ
 




          3.   ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊ส
         ได้ทราบแล้วว่าสาร 1 โมล มีจำนวน \displaysyle 6.02x10^{23} อนุภาค หรือมีมวลเป็นกรัมเท่ากับมวลอะตอมของธาตุ หรือมวลโมเลกุลของสารนั้น และถ้าเป็นแก๊สจะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP แสดงว่าถ้าเริ่มจากปริมาณสารที่มีหน่วยเป็นโมล เช่น He 1 โมลหรือ \displaysyle NH_3 1 โมล จะสามารถเปลี่ยนปริมาณสารเป็นหน่วยอื่นๆคือมวล ปริมาตร หรือจำนวนอนุภาคของสารได้ ดังตัวอย่างที่แสดงในรูป 4.3
  จากแผนภาพ สามารถใช้คำนวณหาจำนวนโมล จำนวน อนุภาค มวลและปริมาตรของสารได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่าง 8   กำมะถัน 10 g มีจำนวนอะตอมเท่าใด
วิธีที่ 1
        ขั้นที่ 1  เปลี่ยนมวลให้เป็นโมล ใช้ความสัมพันธ์คือสาร โมล มีมวลเป็นกรัมเท่ากับมวลอะตอม จึงได้แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยเป็นกำมะถัน 1โมล/มวลเป็นกรัมเท่ากับมวลอะตอมของกำมะถันซึ่งก็คือ 32 กรัม ดังนั้น

mol S = \displaysyle molS=10g\rlap{--}S\times\left({\frac{{1molS}}{{32g\rlap{--}S}}}\right)=0.3125mol 
             ขั้นที่ 2 เปลี่ยนโมลให้เป็นจำนวนอะตอม ใช้ความสัมพันธ์คือ สาร โมล มีจำนวน \displaysyle 6.02x10^{23}อะตอม จึงได้แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยเป็น กำมะถัน \displaysyle 6.02x10^{23} อะตอม/ กำมะถัน โมล ดังนั้น       
\displaysyle &nbsp;atomS = 0.3125\rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} S \times \left( {\frac{{6.02 \times 10^{23} atomS}}{{1\rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} S}}} \right)
                    = \displaysyle 1.88 \times 10^{23} atom
กำมะถัน 10 กรัม มี  \displaysyle 1.88 \times 10^{23}  อะตอม
วิธีที่ 2
อาจทำโดยนำขั้นที่ 1 และ 2 มารวมเป็นขั้นตอนเดียว จะได้ว่า
\displaysyle &nbsp;atomS = 10\rlap{--} g\rlap{--} S \times \left( {\frac{{1\rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} S}}{{32\rlap{--} g\rlap{--} S}}} \right) \times \left( {\frac{{6.02 \times 1023atomS}}{{1\rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} S}}} \right)
                    = \displaysyle 1.88 \times 10^{23} atom
กำมะถัน 10 กรัม มี\displaysyle &nbsp;1.88 \times 10^{23} อะตอม
 ตัวอย่าง 9  แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์  (NO2) จำนวน 1.51×1023 โมเลกุล  มีมวลและปริมาตรที่ STP เท่าใด
1. มวลของ NO2
 


วิธีที่ 1
          ขั้นที่ 1  เปลี่ยนจำนวนโมเลกุลเป็นโมล ใช้ความสัมพันธ์คือ สาร 1 โมล มีจำนวน \displaysyle 6.02x10^{23} โมเลกุลจึงได้แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยเป็น\displaysyle &nbsp;NO_2 1 โมล / \displaysyle NO_2 &nbsp;6.02x10^{23}โมเลกุล ดังนั้น
Mol \displaysyle NO_2 \displaysyle &nbsp; 1.51 \times 10^{23} \rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} c\rlap{--} c\rlap{--} u\rlap{--} l\rlap{--} e\rlap{--} N\rlap{--} O_2 &nbsp;\times \left( {\frac{{1molNO_2 }}{{6.02 \times 10^{23} \rlap{--} m\rlap{--} o\rlap{--} l\rlap{--} c\rlap{--} c\rlap{--} u\rlap{--} l\rlap{--} e\rlap{--} N\rlap{--} O_2 }}} \right)
                  = 0.2508 mol\displaysyle &nbsp;NO_2
          ขั้นที่ 2 เปลี่ยนโมลเป็นมวล ใช้ความสัมพันธ์คือ สาร โมล มีมวลเป็นกรัมเท่ากับมวลโมเลกุล แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่นำมาใช้คือ มวลเป็นกรัมเท่ากับมวลโมเลกุลของ NOซึ่งก็คือ 46 กรัม / NO1 โมล ดังนั้น
              11.53 g \displaysyle NO_2
\displaysyle NO_2 1.51 \times 10^{23} โมเลกุล มีมวล 11.53 กรัม

วิธีที่ 2ทำเป็นขั้นตอนเดียว โดยคูณปริมาณที่กำหนดให้ด้วยแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกันจนได้หน่วยตามต้องการ จะได้ว่า

                                 = 11.53 g \displaysyle NO_2
\displaysyle NO_2 1.51 \times 10^{23} โมเลกุล มีมวล 11.53 กรัม
2) ปริมาตรที่ STP ของ \displaysyle NO_2
          เปลี่ยนจำนวนโมล \displaysyle NO_2 ซึ่งได้จากขั้นที่ ให้เป็นปริมาตรที่ STP ใช้ความสัมพันธ์คือแก๊ส โมล มีปริมาตร 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP จึงได้แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยเป็น 22.4 \displaysyle dm^3NO_2/ 1 mol \displaysyle NO_2 ดังนั้น
 NO2 1.51 ×1023 โมเลกุลมีปริมาตร 5.62 ลูกบาศก์เดซิเมตรที่ STP

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น